Monday 15 March 2010

SilverLining

‘อิตาลี’ ฟื้นโอกาสอัญมณีไทย

คนอิตาลีมีรสนิยมคล้ายคนไทย ชอบความเอ็นเตอร์เทนและสิ่งสวยงาม โดยเฉพาะอัญมณี และเครื่องประดับ
แต่ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา อิตาลีเจอกับสภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน คนส่วนใหญ่จึงบริโภคและใช้จ่ายอย่างประหยัด

ทำให้สินค้าอัญมณีกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น การบริโภคสินค้าเครื่องประดับอัญมณีในช่วงที่ผ่านมาลดลงถึงร้อยละ 1.7
โดยเฉพาะในปี 2552 ไทยมีมูลค่า การส่งออกไปยังอิตาลีเพียง 1,314.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปี 2551 ถึงร้อยละ 33.58
แต่ในปัจจุบันอิตาลีมีสภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้ประชาชนมีกำลังที่จะซื้อสินค้า ประเภทอัญมณีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉลี่ยต่อปีผู้บริโภคชาวอิตาลีควักเงินถึง 85 ยูโรเพื่อซื้อสินค้าเครื่องประดับอัญมณี..ไม่น้อยเลย!!

ในปี 2553 ซึ่งเศรษฐกิจของทางอิตาลีกำลังฟื้นตัว คาดว่าผู้บริโภคจะมีกำลังในการซื้อสินค้าเครื่องประดับอัญมณีเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนอย่างแน่นอน โดยไทยติด 1 ใน 3 ประเทศคู่ค้าสำคัญของอิตาลี

ซึ่งสินค้าเครื่องประดับอัญมณีที่เหมาะจะส่งออกไปยังอิตาลี ได้แก่ เครื่อง ประดับที่มีชิ้นส่วนของ ทอง เงิน คริสตัล แก้ว ลูกปัด เปลือกหอยและอื่นๆ ประกอบเพิ่มความน่าสนใจ เพราะผู้หญิงอิตาเลียนนิยมตามแฟชั่น จึงให้ความสำคัญกับดีไซน์มากกว่าวัสดุที่ใช้
โดยจำหน่ายผ่านทาง Independent specialist shops ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายหลักใน jewelry sector โดยมีร้านค้าประมาณร้อยละ 76 ได้แก่ jewellers, galleries, boutiques and bijouterie shops

ในปี 2008 มี retail outlets ที่ขายเครื่องประดับอัญมณีประมาณ 8,300 แห่ง ประกอบไปด้วย jewelry chain stores และ single brand stores ได้แก่ Alfieri & St John ซึ่งเป็น chain ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี (มีกว่า 600 outlets)Blue spirit (222 outlets)Bulgari (20 outlets) Calderoni Gioielli (19 outlets) Swarowski (foreignowned)Claire’s accessories (foreignowned) และ Brigitte (foreignowned)

โดยมีภาษีการนำเข้าสินค้า precious jewelry อยู่ระหว่างร้อยละ 2-2.5 costume jewelry ร้อยละ 4 และภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 20 เป็นอีกหนึ่งช่องทางการค้าดีๆที่นำมาฝากกัน
แหล่ง : สยามธุรกิจ (www.siamturakij.com)โดย : WebMasterวันที่ : 16/3/2553

No comments:

Post a Comment